‘เพ็ชร-ฐกฤต’ หนุ่มหล่อขี้เล่น เน้นครอบครัว - ฟรีไทม์
ถ้าพูดถึงพระเอกที่กำลังมาแรงได้ใจสาว ๆ ทั่วบ้านทั่วเมืองอยู่ตอนนี้ต้องยกให้พระเอกหนุ่มหล่อเข้มเพ็ชร-ฐกฤต ตวันพงค์ ที่ตอนนี้กำลังมีผลงาน ในบท“ไอ้ขาบ” ในละครฟอร์มยักษ์ “บางระจัน” ที่ใครได้ดูต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า นอกจากรูปหล่อแล้วฝีมือยังโดดเด่นเตะตาอีกด้วย เรียกว่าชั่วโมงนี้ต้องยกให้เขาจริง ๆ และในวันนี้เราจึงส่งเทียบเชิญ หนุ่มเพ็ชร มานั่งพูดคุยเอาใจแฟนคลับกันเสียหน่อย ซึ่งตอนนี้ เพ็ชรรออยู่แล้ว ไปคุยกับเพ็ชรกันเลยดีกว่า
เข้าวงการมากี่ปีแล้ว?
“ผมเข้าวงการเต็มตัวมา 3 ปีแล้วครับ รับละครมา 7 เรื่องแล้ว ตอนนี้ก็มีเรื่องบางระจัน แล้วก็สิงห์สี่แคว ที่กำลังออนแอร์ให้ได้ชมกันอยู่ครับ”
ได้สัมผัสวงการแล้วเป็นยังไงบ้างชีวิตเปลี่ยนไปไหม?
“ชีวิตผมตอนนี้กับเมื่อก่อนมันต่างมากครับ จากเมื่อก่อนเป็นเด็กบ้าน ๆ คนนึงที่อยู่ต่างจังหวัด แต่พลิกผันได้มีโอกาสเข้ามาเป็นนักแสดงของช่อง 3 ผมรู้สึกภูมิใจเพราะว่าน้อยคนที่จะได้โอกาสแบบนี้ บางคนเขาอยากได้โอกาสแบบนี้แต่เขาอาจจะไม่ได้ แต่เรากลับได้มาทั้ง ๆ ที่เราไม่เคยอยากจะเป็นนักแสดงมาก่อน ชีวิตผมเปลี่ยนไปมากครับ จากเมื่อก่อนผมไม่เคยมีอะไรเลย ไม่เคยมีรถ ไม่เคยมีบ้านเป็นของตัวเอง แต่ตอนนี้เราได้มีสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวของเราเอง”
การเป็นนักแสดงเป็นความฝันของเพ็ชรหรือเปล่า?
“การเป็นนักแสดงไม่ใช่ความฝันของผมเลยครับ แต่พอถึงจุดนี้ มันไม่ใช่แค่ความฝันแต่มันคืออาชีพของเราแล้ว ถ้าตอนนี้ผมไม่ได้เป็นนักแสดงผมว่าผมก็คงทำอะไรที่เกี่ยวกับธุรกิจ มาร์เกตติ้ง หรือว่าการตลาด เพราะว่าผมเรียนสายการตลาดมา ก็คงจะจับจุดอะไรตรงนั้นไปเป็นอาชีพสักอย่างหนึ่ง จนตอนนี้นอกจากการที่ผมเป็นนักแสดง ผมก็ยังอยากทำธุรกิจอะไรสักอย่างนึงเหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะทำธุรกิจอะไรดีครับ”
สำหรับเพ็ชร ในเรื่องการแสดง เรายังมีอะไรต้องพัฒนาอีกไหม?
“ผมยังต้องพัฒนาเรื่องการแสดงนี่แหละครับ เพราะแต่ละบท แต่ละตัวละคร ละครแต่ละเรื่องที่เราได้รับมันก็ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราต้องพัฒนาไปเรื่อย ๆ ทำให้ดีขึ้นในทุกบทที่เราได้รับครับ”
คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จหรือยัง?
“ยังครับ ยังไม่ถึงเป้าที่ผมตั้งเอาไว้ เป้าที่ผมตั้งไว้คือทุกอย่างต้องพร้อม เราไม่ได้แข่งกับคนอื่นนะ แต่เราแข่งกับตัวเอง เราอยากให้ครอบครัวของเรามีความสุขครับ”
คาดหวังกับการอยู่ในวงการยังไงบ้าง?
“ผมไม่เคยคาดหวังเรื่องชื่อเสียงเลยครับ ไม่หวังว่าจะดังเปรี้ยงปร้าง ผมว่าเราอยู่วงการเราต้องอยู่ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ สำหรับผมไม่จำเป็นต้องดังเปรี้ยงทีเดียวเลยเพราะถ้าเราตกลงมาแล้วเราจะเจ็บ ก็ไปเรื่อย ๆ แบบนี้ดีกว่าครับ”
มีการปรับตัวในการอยู่วงการยังไงบ้าง?
“ผมก็ค่อย ๆ ปรับไปครับ ถามว่าอยู่ในวงการมา 3 ปี ผมปรับได้หรือยังก็ปรับได้ประมาณนึงครับ ผมอายุแค่นี้ยังต้องปรับอีกเยอะ ทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคมต่าง ๆ คนรอบข้าง รวมทั้งผู้ใหญ่ด้วยครับ คือเราเป็นคนของสาธารณชนเราก็ต้องทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดีของเยาวชนเพราะว่ามีคนจับตามองเราตลอด”
ตัวตนของ “เพ็ชร” จริง ๆ เป็นยังไง?
“ผมเป็นคนอัธยาศัยดีครับ เป็นคนยิ้มง่าย เป็นคนที่ไม่โกรธใครง่าย ๆ ถ้ามันมีเหตุผลพอ คือจะเป็นคนทะเล้นน่ารัก เข้ากับคนได้ง่าย ไม่ซีเรียสครับ แต่บางเรื่องที่มันจี้ใจจริงๆ อย่างเรื่องครอบครัว ก็จะเป็นเรื่องที่ผมค่อนข้างเซนซิทีฟ จะร้องไห้กับเรื่องนี้ง่าย ๆ เลยครับ”
แล้วไลฟ์สไตล์ล่ะเป็นยังไงคะ?
“ว่าง ๆ ผมชอบเข้าฟิตเนส ปั่นจักรยานแล้วก็เล่นฟุตบอลครับ เป็นกิจกรรมที่ผู้ชายทั่วไปเขาเล่นกัน ฟิตหุ่นก็ฟิตบ้างแต่ว่าไม่ได้เล่นกล้ามแบบมากมายเพราะเราไม่ใช่นักกล้ามครับ”
เสน่ห์ที่ทำให้คนชอบเรา เพ็ชรคิดว่าคืออะไร?
“คงเป็นที่รอยยิ้ม ความขี้เล่นเป็นกันเองครับ เราอัธยาศัยดีกับทุก ๆ คนรวมทั้งแฟนคลับด้วย แฟนๆเขาเลยชอบความเป็นเรา แต่บางคนเคยบอกว่าผมหยิ่งนะเวลาผมไม่ยิ้ม หน้าจะดุ แต่จริง ๆ ไม่เลยครับ”
สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเพ็ชร คืออะไร?
“สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตผมคือ ครอบครัวครับ เพราะว่าครอบครัวของผมไม่ได้ดีเพอร์เฟกต์มาตั้งแต่เด็ก ผมก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ครอบครัวมีความสุขมาตลอด พอผมได้เข้ามาอยู่ตรงนี้แล้วครอบครัวของผมเขาก็ภูมิใจนะ ภูมิใจที่เราทำได้ เราเป็นหัวหน้าครอบครัวได้ครับ แต่เขาจะเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของผมเพราะผมทำงานทุกวัน เขาก็จะบอกจะเตือนให้ดูแลสุขภาพด้วยเพราะผมเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของคุณพ่อคุณแม่ ถ้าเราเป็นอะไรขึ้นมามันก็จะหนักพอสมควร”
รู้สึกกดดันบ้างไหม?
“กดดันครับ กดดันมาก เพราะครอบครัวก็คาดหวังกับเราเต็มที่ อยากให้เราทำให้ครอบครัวมีความสุข ถ้าเรามีอะไรผิดพลาดขึ้นมามันก็จะส่งผลกระทบถึงครอบครัวอย่างมาก ยอมรับเลยครับว่ากดดันมาก บางทีเรากลับจากถ่ายละคร ตี 1 ตี 2 เราก็มานั่งคิดว่าเหนื่อยเนาะ มีความรู้สึกเหนื่อย แต่เราก็คิดถึงครอบครัว คิดถึงพ่อแม่ว่าเราทำตรงนี้เพื่อภายภาคหน้าครอบครัวเราจะมีความสุขเราเห็นคุณพ่อคุณแม่ยิ้มได้ เขาแฮปปี้ เราก็มีกำลังใจที่จะทำต่อไปไม่ว่ามันจะเหนื่อยยังไงก็ตาม แต่นี่มันคือหน้าที่ที่เราต้องดูแลพ่อแม่อยู่แล้วครับ”
มาเรื่องหัวใจบ้างมีสาวดูแลหรือยัง?
“มีครับ มีคนที่คุย ๆ อยู่ เป็นเพื่อนสนิทที่คุยกันมานานแล้วเหมือนกัน แต่ว่าผมจะมุ่งเรื่องการทำงานมากกว่าเพราะผมจะเอาเรื่องคุณพ่อคุณแม่เป็นหลัก เรื่องงานมันสำคัญ ถ้าเราไม่มีงานเราก็ไม่มีกิน สำหรับคนที่คุยอยู่นี่ก็ถือว่าตรงสเปกครับ ด้วยนิสัยที่คล้าย ๆ กัน แล้วเขาอายุมากกว่า เป็นคนคุยง่าย ไม่เรื่องมาก ไม่เซ้าซี้ ไม่งี่เง่า เวลาที่เราทำงานเขาเข้าใจเราทุกอย่าง เรื่องนอยด์ก็มีบ้างเป็นบางช่วงเพราะไม่มีเวลาให้เขาเลย แต่ผมก็คุยกับเขาทุกอย่าง อธิบายให้เขาฟัง ไม่อยากให้เขาลำบากใจ”
คุยเรื่องอนาคตกันบ้างหรือยัง?
“ไม่ได้คุยเลยครับ อนาคตมันคืออนาคต เราเลยยังไม่ได้คุยกัน เราเอาปัจจุบันตรงนี้ก่อน การให้กำลังใจคือสิ่งสำคัญที่สุด เราทำงานเหนื่อยถ้าจะมาทะเลาะกันมันก็ยิ่งเหนื่อย เหนื่อยใจด้วย เพราะฉะนั้นคบด้วยความเข้าใจก่อนดีกว่าครับ”
ให้ฝากถึงแฟน ๆ ที่ติดตามเราอยู่?
“ฝากเพ็ชรไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยครับ เพราะผมก็เป็นนักแสดงใหม่ ขอฝากตัวเอาไว้ด้วย ตอนนี้ก็ฝากบางระจัน กับสิงห์สี่แคว ไว้ด้วยเพราะสองเรื่องนี้เพ็ชรตั้งใจและเหนื่อยกับการทุ่มเทเพื่อให้งานออกมาดีจริงๆ แล้วก็ขอบคุณทุกๆคนที่คอยติดตามและให้กำลังใจผมด้วย ขอบคุณจริง ๆ ครับ”.
กาญจนา สิทธิเม่ง รายงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น